บันทึกอนุทิน
วิชาการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2557
เวลาเรียน 08.30น.เวลาเลิกเรียน 14.00 น.
เวลาเข้าสอน 11.30 น.
กิจกรรมวันนี้
อาจารย์สอนเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษโดยอาจารย์แจกชีลให้นักศึกษาพร้อมเปิดเพาเวอร์พอย์ดบรรยายช้าๆอย่างเข้าใจ
1.การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมพัฒนาการ
- เด็กพัฒนาเต็มตามศักยภาพ จนสามารถช่วยตนเองได้
- ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น เตรียมเด็กให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดแสดงออกอย่างถูกต้องและสามารถประกอบอาชีพได้
- เพื่อให้บิดามารดามีความรู้ และนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์แก่บุตร
- เพื่อให้บิดามารดามีสัมพันธภาพที่ดีต่อบุตร
เป้าหมายของการส่งเสริมพัฒนาการ
- เป้าหมายทั่วไป เพื่อให้เด็กมีทักษะที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง สามารถพึ่งตนเองและใช้ชีวิตในสังคมได้
- เป้าหมายเฉพาะ เพื่อให้พัฒนาขึ้นตามขั้นตอนจากทักษะง่ายไปสู่ทักษะที่ยากขึ้น และแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม
ผลที่ได้จากการส่งเสริมพัฒนาการ
- พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น การอ่าน คณิตศาสตร์และภาษาดีขึ้น
- สามารถปรับตัวและช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
- สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนร่วมหรือเรียนรวมได้
- ลดปัญหาพฤติกรรม ลดผลการพิการ
- คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาและทำงานได้ดีขึ้น
Down's Syndrome
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
- ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
- เน้นการดูแลแบบองค์รวม(Holistic Approach)
แนวทางการดูแลการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพมีดังนี้
การปฏิบัติของบิดา มารดาของเด็ก
- ยอมรับความจริง
- เด็กดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอนเช่นดียวกับเด็กทั่วไป
- ให้ความรักความอบอุ่น
- การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งปากมดลูก และเต้านม
- การคุมกำเนิดและทำหมัน
- การสอนเพศศึกษา
- ตรวจโรคหัวใจ
Autistic
แนวทางการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพมีดังนี้
แนวทางการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพมีดังนี้
อาชาบำบัดเด็กออทิสติก
สำหรับข้อ 9 การบำบัดทางเลือก
การสื่อสารความหมายทดแทน
(Augmentative and Alternative Communication;AAC)
- การรับรู้ผ่านการมอง(Visual Strategies)
- โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร(Picture Exchange Communication System;PECS)
- เครื่องโอภา(Communication Devices)
- โปรแกรมปราศรัย
เพิ่มเติม
โอภา รุ่น 2.3
อุปกรณ์ช่วยสื่อสาร แบบพกพา สำหรับผู้ที่บกพร่อง ทางด้านการพูด
โอภา รุ่น 2.3
เสริมฟังก์ชันพิเศษให้กับผู้ใช้ที่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วมือได้ หรือ
มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนทำให้กดปุ่มสัญรูปบนหน้ากล่องโอภาได้ เพิ่มฟังก์ชัน
การสแกนปุ่มโดย มีหน้าปัทม์แสดงตัวเลขบอกการสแกนไปที่ช่องหมายเลข
ผู้ใช้สามารถเลือกช่องหมายเลขนั้นๆ โดยการกดสวิตช์เดี่ยวที่พ่วงต่อกับโอภา
หรือเลือกใช้รีโมท คอนโทรลในการเลือกหมายเลขช่องสัญรูป
ในกรณีที่ผู้ใช้มีการบังคับและควบคุมกล้ามเนื้อได้ กลับสู่เนื้อหาหลัก
คุณสมบัติ
- สามารถบันทึกเสียง และเล่นเสียงข้อความที่บันทึกไว้
- สามารถบันทึกได้ 60 ข้อความ ข้อความละ 4 วินาที แบ่งเป็น 4 ระดับ ระดับละ 15 ข้อความ
- สามารถบันทึกเสียงได้ใหม่ตลอดเวลา
- สามารถใช้งานร่วมกับสวิตช์ (single switch) ในหน้าที่การทำงานแบบสแกน ในการเล่นเสียงข้อความที่บันทึก
- สามารถสั่งงานการเล่นเสียงข้อความที่บันทึกผ่านรีโมทได้
- มีหลอดไฟขนาดเล็กแสดงสถานะการทำงาน
- สามารถปรับความดังของเสียง และต่อสัญญาณเสียงไปยังเครื่องขยายเสียงภายนอกได้
- สามารถปรับตัวเองให้อยู่ในระบบประหยัดพลังงานได้ ขณะไม่ได้เล่นจะใช้กระแสไฟ 10 มิลลิแอมป์ ขณะเล่นจะใช้กระแสไฟ 80 มิลลิแอมป์ สามารถเล่นติดต่อกันได้นาน 7.5 ชั่วโมง สามารถเปิดเครื่องรอใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง
- สามารถใช้ไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกผ่านหม้อแปลงไฟขนาด 9 โวลต์
- สามารถชาร์จแบตเตอรีได้ตลอดเวลา
กลุ่มการประยุกต์เทคโนโลยีการสนับสนุนคนพิการและคนด้อยโอกาส ร่วมกับ ห้องปฏิบัติการระบบควบคุมด้วยสมองกล ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในโครงการพัฒนาอุปกรณ์ ช่วยสื่อสารขนาดพกพา สำหรับเด็กที่มีปัญหาในเรื่อง การออกเสียง ภายใต้ โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
การนำไปประยุกต์ใช้
นำไปเป็นความรู้ในอนาคตถ้าพบเจอเด็กที่มีความบกพร่องจะได้ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองของเด็กได้อย่างถูกวิธี เพื่อที่จะให้เด็กและผู้ปกครองใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นและสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้
ประเมินตนเอง
แต่งกายเรียบร้อยและตั้งใจฟังอาจารย์สอนอาจจะคุยบางเล็กน้อย
ประเมินเพื่อน
เพื่อนแต่งกายเรียบร้อยส่วนน้อยที่จะไม่เรียบร้อย เพื่อนตั้งใจฟังและตั้งใจเรียนสามารถตอบคำถามอาจารยืได้
ประเมินอาจารย์
อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย ใจดี พูดจาไพเราะ ใช้คำสุภาพ และมีเทคนิคการสอนไม่น่าเบื่อ สนุกสนานเวลาเรียน
นำไปเป็นความรู้ในอนาคตถ้าพบเจอเด็กที่มีความบกพร่องจะได้ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองของเด็กได้อย่างถูกวิธี เพื่อที่จะให้เด็กและผู้ปกครองใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นและสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้
ประเมินตนเอง
แต่งกายเรียบร้อยและตั้งใจฟังอาจารย์สอนอาจจะคุยบางเล็กน้อย
ประเมินเพื่อน
เพื่อนแต่งกายเรียบร้อยส่วนน้อยที่จะไม่เรียบร้อย เพื่อนตั้งใจฟังและตั้งใจเรียนสามารถตอบคำถามอาจารยืได้
ประเมินอาจารย์
อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย ใจดี พูดจาไพเราะ ใช้คำสุภาพ และมีเทคนิคการสอนไม่น่าเบื่อ สนุกสนานเวลาเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น